สาววัย 28 ปี หันมาเพาะเลี้ยง ‘ด้วงสาคู’ ส่งขายทั่วประเทศ สร้างรายได้ต่อเดือนเกือบ 1 แสนบาท
หากพูดถึง ‘แมลงทอด‘
ก็ต้องบอกว่ามีการนิยมรับประทานกันมานมนานแล้ว ทั้งตั๊กแตน จิ้งหรีด
หนอนไม้ไผ่ หรือรถด่วน แมงดานา และอื่นๆอีกมากมาย เป็นที่ถูกอกถูกใจ
และถูกปากทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอย่างมาก
นอกจากนี้ยังมีคุณค่าทางอาหารโดยเฉพาะโปรตีน และสารอาหารอื่นๆ อีกมากมาย
วันนี้ MThaiNews ในช่วง ‘เกษตรสร้างรายได้‘ ขอนำเสนอแมลงอีกหนึ่งชนิดที่กระแสความนิยมเริ่มเพิ่มมากขึ้น นั้นคือ!!! ‘ด้วงสาคู‘ หรืออีกชื่อหนึ่ง ‘ด้วงมะพร้าว‘ ซึ่งแมลงชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมากทางภาคใต้ของประเทศเรา และในหลายๆปีที่ผ่านมา ก็ได้แพร่หลายและมีการเพาะเลี้ยงกันทั่วประเทศ
ซึ่งทางทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณทิติยา คำเถื่อน หรือคุณญา อายุ 28 ปี เจ้าของ ‘ด้วงสาคูฟาร์มมาดี‘ จ.เพชรบุรี ที่เลี้ยงด้วงสาคูจนประสบความสำเร็จอย่างมากอีกหนึ่งราย พร้อมเผยถึงวิธีการเลี้ยง และเทคนิคดีๆในการเพาะเลี้ยงเจ้า ‘ด้วงสาคู‘ ทำอย่างไรให้ผลผลิตออกมาดีและมีคุณภาพ…!!??
โดยคุณญา
ได้เปิดเผยว่าเดิมทำธุรกิจร้านหมูกระทะในกรุงเทพฯ เป็นเวลา 8 ปี
แต่ด้วยสภาพเศรษฐกิจ จึงเริ่มมองหาธุรกิจใหม่ทำ จนได้มาศึกษาและสนใจ ‘ด้วงสาคู‘ ซึ่งเป็นคนที่ชื่นชอบการทานแมลงอยู่แล้ว จึงไปตามฟาร์มเลี้ยงและเข้าอบรม
จนกระทั่งปี
59 ตัดสินใจซื้อพ่อแม่พันธุ์ มาประมาณ 50 คู่ แบ่งเป็น 10 กะละมัง
กะละมังละ 5 คู่ โดยนำมาเลี้ยงที่บ้านใน จ.นนทบุรี
จนผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก จึงเริ่มที่จะส่งขาย
โดยเริ่มจากสื่อออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กจนกลุ่มลูกค้าเริ่มขยายตัวมากขึ้น
หลังจากนั้นจึงตัดสินใจย้ายแหล่งผลิตมาที่ จ.เพชรบุรี
เนื่องจากมีพื้นที่เพียงพอต่อการเลี้ยง และต่อยอดได้อีกเป็นจำนวนมาก
คุณญา บอกก็ทีมข่าวว่า จริงๆแล้วเจ้า ‘ด้วงสาคู‘ เป็นแมลงที่เลี้ยงง่ายไม่ยุ่งอยากเท่าไหร่นัก โดยสูตรอาหารของทางฟาร์มจะใช่สัดส่วนดังนี้ 1.หัวอาหารสัตว์
และรำข้าว อย่างละ 3 ขีด / 2.มันสดบด 1 กิโลกรัม /
3.เปลือกมะพร้าวสับละเอียด 1 – 1.5 กิโลกรัม / 4.กากน้ำตาล 100 ซีซี
นำมาใส่ภาชนะที่จะเลี้ยง โดยแนะนำว่าควรเป็นกะละมังขนาดประมาณ 50 เซนติเมตร
เมื่อเตรียมส่วนประกอบครบถ้วนแล้วน้ำมาผสมกันในกะละมัง
โดยเติมน้ำลงไปให้พอแฉะๆ และใช้เปลือกมะพร้าวปิดหน้าอาหารไว้
พร้อมนำกล้วยน้ำว้า 2 ลูก มาวางไว้ เป็นอาหารสำหรับพ่อแม่พันธุ์
พร้อมนำฝามาปิดโดยให้มีรูระบายอากาศถ่ายเท
โดยจะเลี้ยง
5 คู่ ต่อ 1 กะละมัง ซึ่งปกติแล้วด้วงสาคูจะไข่ทุกวัน
หลังจากปล่อยพ่อแม่พันธุ์ลงไปทิ้งระยะเวลาประมาณ 15 วัน เมื่อลูกตกแล้ว
ให้จับพ่อแม่พันธุ์ไปเลี้ยงในกะละมังอันใหม่เพื่อขยายพันธุ์ต่อไป
โดยวงจรชีวิตของเจ้าด้วงสาคู สามารถอยู่ได้ประมาณเดือนกว่าๆ ก็จะตาย
หลังจากนั้นก็หมั่นดูหน้าอาหารไม่ให้แห้ง
ซึ่งถ้าหน้าอาหารแห้งก็ให้พรมน้ำ เลี้ยงจนตัวหนอนโตประมาณเท่านิ้วโป้ง
ใช้เวลาประมาณ 25 วัน ก็สามารถจับส่งขายได้แล้ว
แต่หากต้องการเลี้ยงเพื่อเป็นพ่อแม่พันธุ์ ต้องเลี้ยงไปอีกประมาณ 20 วัน
ตัวหนอนก็จะเริ่มเข้าฝัก คล้ายดักแด้ หลังจากนั้นอีกประมาณ 10
วันก็จะออกมาเป็นตัวด้วงสาคู ส่วนการดูเพศนั้นตัวผู้จะมีงวงสั้นกว่าตัวเมีย
และงวงของตัวผู้จะมีขนเล็กๆอยู่ ขณะที่ตัวเมียงวงจะเรียวยาว
สำหรับวิธีการส่งขายตัวหนอนด้วงสาคู
ก่อนจะนำส่ง 1 วัน ทางฟาร์มจะทำการล้างท้องตัวหนอน
ด้วยการให้หนอนด้วงกินกะทิ หรือแช่น้ำและใส่พริกไทยไว้ 1 คืน
เพื่อเพิ่มรสชาติ
ซึ่งหากไม่ล้างท้องกลิ่นของตัวหนอนก็จะมีลักษณะเหมือนสูตรอาหารที่เลี้ยงไว้
โดยใน 1 กะละมัง จะได้น้ำหนักตัวหนอนประมาณ 8 ขีด หรือประมาณ 100-150 ตัว
ส่วนราคาขายจะแบ่งเป็น
2 แบบ คือแบบขายเป็นตัวสดๆ จะขายอยู่ที่กิโลกรัมละ 250 บาท และแบบแช่ฟรีซ
สามารถอยู่ได้ 7-8เดือน ราคาจะอยู่ที่ 350 บาท ต่อ 1 กิโลกรัม
นอกจากนี้ยังสามารถขายพ่อแม่พันธุ์ได้อีกด้วย
โดยจะส่งขายเป็นชุดเลี้ยงประกอบด้วย พ่อแม่พันธุ์ 10 ตัว อาหาร 3 กิโลกรัม
พร้อมคู่มือการเลี้ยง จะขายในราคาพร้อมส่งอยู่ที่ 400 บาท
ปัจจุบันทางฟาร์มของคุณญา
มีชุดเลี้ยงอยู่ประมาณ 500 ชุด สามารถผลิตตัวหนอนได้มากกว่า 300
กิโลกรัมต่อเดือน ส่งขายทั่วประเทศ จนสร้างรายได้เกือบแสนบาทต่อเดือน
ทั้งนี้มองว่าอนาคตของด้วงสาคู จะโตขึ้นอีกอย่างมาก
เนื่องจากปัจจุบันเริ่มมีกลุ่มพ่อค้าต่างชาติให้ความสนใจมากขึ้น
โดยหนอนด้วงสาคู สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด อาทินำไป คั่ว ทอด แกงหน่อไม้ แกงเห็ด ย่าง หรือรับประทานสดๆ ก็ได้เช่นกัน
ทั้งนี้หากใครสนใจอยากซื้อหนอนด้วงสาคู
พ่อแม่พันธุ์ หรืออยากได้ความรู้เพิ่มเติม
ซึ่งทางฟาร์มก็มีเปิดคอร์สอบรมเทคนิควิธีการเลี้ยงอย่างละเอียดให้กับผู้ที่สนใจ
สามารถเดินทางไปได้ที่ด้วงสาคูฟาร์มมาดี จ.เพชรบุรี หรือเบอร์โทรศัพท์
092-532-4544 คุณญา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น